ตลาดนัด โค-กระบือ บ้านหนองหญ้าปล้อง ได้ชื่อว่าเป็นตลาดนัดโค- กระบือ ที่เก่าแก่ และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเชื่อกันว่าใหญ่ที่สุดในเอเซียเมื่อหลายปีก่อน เริ่มก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2510 โดยสองชาวนาสามี ภรรยา นายเกษม นางแป้งร่ำ พลีขันธ์ (บุญเกิด) บนเนื้อที่ป่าละเมาะในพื้นที่นาของตนเอง ที่บ้านหนองหญ้าปล้อง หมู่ที่ 5 ตำบลหนองหญ้าปล้อง อำเภอทัพทัน อยู่ห่างจากถนนสายทัพทัน โกรกพระ ประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ โดยเริ่มจากการ ที่ชาวบ้านเอาควายโกงมาแลกกัน ใครตาดีได้ ตาร้ายเสีย(ควายโกง หมายถึง ควายที่เกเร ทำงาน ไถนา คราดนาไม่ได้) เจ้าของไม่ต้องการแล้วก็จะมาขอแลกเอาควายตัวอื่นไปใช้งาน แทน และ "แปะเงิน" ให้กับ เจ้าของสถานที่ขอเก็บ "ค่าสนาม" หรือค่าหลัก" ตัวละ 1 บาท โดยกำหนดวันนัด คือ ทุกวันพระ เพราะ ชาวนาจะหยุดใช้แรงงานสัตว์ในวันพระ
เมื่อมีคนรู้จักมากขึ้น ที่นี้จึงกลายเป็นที่นัดพบสำหรับเจ้าของวัวควาย และผู้ที่อยากจะได้วัวควายจากการแลกเปลี่ยนกัน จึงกลายมาเป็นการซื้อขาย จากการจูงไล่ต้อนมาตามคันนา กลายเป็นการใช้รถบรรทุก จากจำนวนไม่กี่ตัว จึงกลายเป็นร้อยเป็นพันตัว การเก็บค่าสนาม หรือค่าหลักก็เพิ่มขึ้น มีการลงทุนถมถนน ให้รถบรรทุกเข้าได้สะดวกยิ่งขึ้น กิจการขยายใหญ่โต มีชาวบ้าน พ่อค้า แม่ค้าจากทั่วสารทิศ ทั้งใน จังหวัดอุทัยธานีและจากจังหวัดต่างๆ จากภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง นำวัวควายมา ซื้อขายกัน การซื้อขายนี้จะใช้เงินสดเพียงอย่างเดียว ในวันนั้นๆ จะมีเงินหมุนเวียนเป็นล้านๆ บาท
หลักในการพิจารณาจัดหาโคเข้าขุน
1. พันธุ์โค ลในการเลือกซื้อโคเข้ามาขุนควรจะพิจารณาเลือกซื้อพันธุ์โคที่สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดโคขุนด้วย เช่น โคพันธุ์เมืองตลาดชั้นสูงไม่ต้องการเพราะ ซากเล็ก ไขมันแทรกน้อย หน้าตัดเนื้อสันเล็ก พันธุ์โคที่เหมาะสมในการนำมาขุนควรเป็นโคลูกผสมที่มีสายเลือดโคยุโรปอยู่ใน ช่วง 50-62.5% เพราะพบว่าโคที่มีสายเลือดของโคยุโรปอยู่สูงกว่านี้ จะมีปัญหาในการเลี้ยงในภาพภูมิอากาศของประเทศไทย พันธุ์โคที่เหมาะสมต่อการขุน ได้แก่ โคลูกผสมบราห์มันXพันธุ์พื้นเมืองXพันธุ์ชาร์โรเล่ส์, บราห์มันXชาร์โรเล่ส์, บราห์มันXพื้นเมือง, บราห์มันXลิมูซีน, ซิมเมนทอล, เดร้าท์มาสเตอร์, บราห์มันXแองกัส (แบงส์กัส) เป็นต้น
2. เพศโค ลูกโคที่จะนำมาขุนควร เป็นเพศผู้เพราะการเจริญเติบโตและเปอร์เซนต์ซากหลังชำแหละจะสูงกว่าเพศเมีย อีกทั้งราคาก่อนขุนก็ถูกกว่าอีกด้วย ส่วนเหตุผลที่จะต้องตอนลูกโคเพศผู้ก่อนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยง กล่าวคือ หากคอกขุนเป็นคอกขังเดี่ยวก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอน มีการศึกษาพบว่า โครุ่นเพศผู้ไม่ตอน จะมีการเจริญเติบโตสูงกว่าโครุ่นเพศผู้ตอน และมีประสิทธิภาพการใช้อาหารสูงกว่า แต่โคตอนจะมีไขมันแทรกดีกว่า หากตลาดมีความต้องการและให้ราคาดีก็ควรจะตอน ในกรณีที่ต้องเลี้ยงโคขุนในคอกรวมกันและขนาดของโคมีความแตกต่างกัน การตอนจะช่วยลดความคึกคนองของโคที่ใหญ่กว่า ลดการรังแกตัวอื่นลงไปได้
3. อายุของโค มีความสัมพันธ์กับ ระยะเวลาขุน กล่าวคือ ถ้าขุนโคอายุน้อยจะต้องใช้เวลามากกว่าการขุนโคใหญ่ เช่น โคหย่านม ใช้เวลาขุนประมาณ 10 เดือน แต่ถ้าเป็นโคอายุ 1 ปี ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน โคอายุ 1.5 ปี ใช้เวลาขุนประมาณ 6 เดือน โคอายุ 2 ปี ใช้เวลาขุนประมาณ 4 เดือน และโคโตเต็มวัยใช้เวลาขุนประมาณ 3 เดือน ดังนั้น ถ้าตลาดระยะสั้นดีหรือต้องการผลตอบแทนเร็วก็ควรขุนโคใหญ่ แต่ถ้าตลาดระยะยาวดีหรือตลาดยังไม่แน่นอนควรขุนโคเล็ก เพื่อยืดเวลาและโคจะเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะประวิงเวลาไม่ได้เพราะระยะหลังๆ ของการขุนโคใหญ่จะโตช้ามาก
ถ้าผู้เลี้ยงมีประสบการณ์ในการเลี้ยงโคขุนน้อยควรจะขุนโคใหญ่ เพรามีปัญหาในการเลี้ยงดูน้อยกว่าโคเล็ก แต่ถ้าผลิตเนื้อโคขุนส่งตลาดชั้นสูง โคที่ขุนเสร็จแล้วไม่ควรมีอายุเกิน 3 ปี และถ้าผลิต "โคมัน" ส่งตลาดพื้นบ้าน ควรจะเลือกโคเต็มวัยมาขุนเพื่อจะได้มีไขมันมากและสีเหลือง
1. พันธุ์โค ลในการเลือกซื้อโคเข้ามาขุนควรจะพิจารณาเลือกซื้อพันธุ์โคที่สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดโคขุนด้วย เช่น โคพันธุ์เมืองตลาดชั้นสูงไม่ต้องการเพราะ ซากเล็ก ไขมันแทรกน้อย หน้าตัดเนื้อสันเล็ก พันธุ์โคที่เหมาะสมในการนำมาขุนควรเป็นโคลูกผสมที่มีสายเลือดโคยุโรปอยู่ใน ช่วง 50-62.5% เพราะพบว่าโคที่มีสายเลือดของโคยุโรปอยู่สูงกว่านี้ จะมีปัญหาในการเลี้ยงในภาพภูมิอากาศของประเทศไทย พันธุ์โคที่เหมาะสมต่อการขุน ได้แก่ โคลูกผสมบราห์มันXพันธุ์พื้นเมืองXพันธุ์ชาร์โรเล่ส์, บราห์มันXชาร์โรเล่ส์, บราห์มันXพื้นเมือง, บราห์มันXลิมูซีน, ซิมเมนทอล, เดร้าท์มาสเตอร์, บราห์มันXแองกัส (แบงส์กัส) เป็นต้น
2. เพศโค ลูกโคที่จะนำมาขุนควร เป็นเพศผู้เพราะการเจริญเติบโตและเปอร์เซนต์ซากหลังชำแหละจะสูงกว่าเพศเมีย อีกทั้งราคาก่อนขุนก็ถูกกว่าอีกด้วย ส่วนเหตุผลที่จะต้องตอนลูกโคเพศผู้ก่อนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยง กล่าวคือ หากคอกขุนเป็นคอกขังเดี่ยวก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอน มีการศึกษาพบว่า โครุ่นเพศผู้ไม่ตอน จะมีการเจริญเติบโตสูงกว่าโครุ่นเพศผู้ตอน และมีประสิทธิภาพการใช้อาหารสูงกว่า แต่โคตอนจะมีไขมันแทรกดีกว่า หากตลาดมีความต้องการและให้ราคาดีก็ควรจะตอน ในกรณีที่ต้องเลี้ยงโคขุนในคอกรวมกันและขนาดของโคมีความแตกต่างกัน การตอนจะช่วยลดความคึกคนองของโคที่ใหญ่กว่า ลดการรังแกตัวอื่นลงไปได้
3. อายุของโค มีความสัมพันธ์กับ ระยะเวลาขุน กล่าวคือ ถ้าขุนโคอายุน้อยจะต้องใช้เวลามากกว่าการขุนโคใหญ่ เช่น โคหย่านม ใช้เวลาขุนประมาณ 10 เดือน แต่ถ้าเป็นโคอายุ 1 ปี ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน โคอายุ 1.5 ปี ใช้เวลาขุนประมาณ 6 เดือน โคอายุ 2 ปี ใช้เวลาขุนประมาณ 4 เดือน และโคโตเต็มวัยใช้เวลาขุนประมาณ 3 เดือน ดังนั้น ถ้าตลาดระยะสั้นดีหรือต้องการผลตอบแทนเร็วก็ควรขุนโคใหญ่ แต่ถ้าตลาดระยะยาวดีหรือตลาดยังไม่แน่นอนควรขุนโคเล็ก เพื่อยืดเวลาและโคจะเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะประวิงเวลาไม่ได้เพราะระยะหลังๆ ของการขุนโคใหญ่จะโตช้ามาก
ถ้าผู้เลี้ยงมีประสบการณ์ในการเลี้ยงโคขุนน้อยควรจะขุนโคใหญ่ เพรามีปัญหาในการเลี้ยงดูน้อยกว่าโคเล็ก แต่ถ้าผลิตเนื้อโคขุนส่งตลาดชั้นสูง โคที่ขุนเสร็จแล้วไม่ควรมีอายุเกิน 3 ปี และถ้าผลิต "โคมัน" ส่งตลาดพื้นบ้าน ควรจะเลือกโคเต็มวัยมาขุนเพื่อจะได้มีไขมันมากและสีเหลือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น